Wednesday, October 3, 2007

ความเป็นไปได้ในเชิงธุรกิจ

ในเรื่องธุรกิจขยะ ผมมองว่ามันไม่ง่าย เพราะโดยพื้นนิสัยคนไทยเรา การจะสร้างจิตสำนึก ให้จัดการกับ ขยะนั้น ยังห่างไกล แต่เมื่อกระโดดลงมาทำจริงๆ แล้ว ผมเห็นว่า เป็นงานที่มีประโยชน์ ต่อส่วนรวม จึงมุ่งเป้าไปที่ อยากให้ ความรู้ แก่บุคคลทั่วๆ ไป อันดับแรกเพื่อให้เขา มีจิตสำนึกก่อนว่า การจัดการ กับขยะนั้น เป็นเรื่องง่ายๆ เพียงแต่เรา มักมองข้ามไป เพราะเมื่อพูดถึงเรื่องขยะ คนเรามักจะเกิดอาการ ที่เรียกว่าแพ้ความรู้สึก โดยเกิดความรังเกียจว่า เป็นของสกปรก เหม็น ซึ่งพอเกิด ความรู้สึกขึ้น คนก็จะ หาทางหลีกเลี่ยง ก็เลยคล้ายกับ เป็นการหนีปัญหา ตรงนี้ ผมอยากให้ทุกคน หันมามอง และคิดให้ดีว่า ใครเป็นผู้สร้างขยะ คำตอบก็คือ ตัวเราแต่ละคนนี่แหละ ที่เป็นผู้สร้างขยะ ไม่มีสัตวโลกชนิดไหนสร้างหรอก
ขณะนี้มนุษย์สร้างขยะจาก ๒ สิ่งใหญ่ๆ คือ ขยะจากความสะดวกสบาย และ ขยะจากเทคโนโลยี ขยะจาก ความสะดวกสบาย เช่น บรรจุภัณฑ์ต่างๆ เดี๋ยวนี้เรากินข้าว ก็เริ่มไม่ใช้จานกันแล้ว เราใส่กล่องแทน เพื่อความรวดเร็ว สมัยก่อนซื้อก๋วยเตี๋ยวก็ห่อใบตอง ต่อมาก็เป็นกระดาษ ที่มีพลาสติกวางข้างบน ต่อมาก็ใช้ พลาสติก เคลือบบนกระดาษ ขณะนี้เปลี่ยนมาใช้กล่องโฟมแล้ว เราพัฒนาบรรจุภัณฑ์ไปเรื่อยๆ สู่ความทันสมัย รวดเร็ว ท้ายที่สุด บรรจุภัณฑ์ทันสมัยเหล่านี้ ก็ย่อยสลายยากขึ้นทุกที
ขยะจากเทคโนโลยี ตัวอย่างเช่น เริ่มจากเครื่องคิดเลข ที่กำลังล้าสมัย เพราะมีคอมพิวเตอร์เข้ามาแทน วัสดุพวกนี้ ทำลายยาก และยังมีโลหะปนเปื้อนเยอะมาก นับวันพัฒนาการที่เกิดจากเทคโนโลยีใหม่ๆ จะกำจัดยากขึ้นทุกที สิ่งเหล่านี้ มนุษย์เป็นผู้สร้างล้วนๆ ถ้าเราไม่หันกลับมาแก้ที่ต้นเหตุ ต่อไปปัญหา จะหมักหมม จนแก้ไขยากยิ่งขึ้น ดังนั้น เราควรหันกลับมาดูว่า สาเหตุเหล่านี้มาจากอะไร ขณะนี้เท่าที่ ผมทราบ ในต่างประเทศกำลังทำอยู่ เช่น ผู้ผลิต โทรทัศน์ เมื่อเครื่องหมดอายุ ผู้ผลิตต้องรับผิดชอบ นำกลับไปทำลาย หรือ นำกลับไปรีไซเคิลมาใช้ได้ใหม่
ทุกอย่างในโลกควรรีไซเคิลได้เหมือนวัสดุธรรมชาติ เมื่อสร้างอะไรขึ้นมา ธรรมชาติก็สามารถย่อยสลายได้ อันที่จริง นักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย จะคิดสร้างอะไร ก็น่าจะคิดเรื่อง การย่อยสลายสิ่งนั้น ควบคู่ไปด้วย ตัวอย่าง คนที่คิด เรื่องพลาสติก เขาเก่งมาก เพราะมีความสามารถผลิต สิ่งที่มีความคงทนต่อกรดต่อด่าง ต่อการกัดกร่อน จนที่สุด ยากต่อการทำลาย ดังนั้นเราต้องเอาโจทย์ข้อนี้ใส่เข้าไปด้วย และควรต้องคิด ในลักษณะอย่างนี้

ที่มา:เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๔๓ มิถุนายน ๒๕๔๕

อาชีพค้าของเก่า

ภาษาชาวบ้านเรียกว่าค้าของเก่า ไม่ได้มอง เรื่องการรีไซเคิลอย่างจริงจัง แต่มองในเรื่องการค้าของเก่าเท่านั้น ส่วนผม สนใจทั้งธุรกิจรีไซเคิล และการค้าของเก่ามานาน ธุรกิจการค้าของเก่ามักจะอยู่ในแวดวงเครือญาติ และค่อนข้าง จะเป็นความลับ คือเขาจะถ่ายทอดเฉพาะ ญาติพี่น้องเท่านั้น ช่วงผมเป็นวัยรุ่น บังเอิญ มีครอบครัว เพื่อนทำธุรกิจนี้ ใหญ่โตพอสมควร ก็เลยขอโอกาสไปเรียนรู้กับเขา แต่พอเข้าไปถาม เห็นท่าทีว่า เขาไม่ต้องการให้ผู้อื่นรับรู้ ผมก็เก็บ เรื่องนี้ ค้างไว้ในใจ ด้วยความสงสัยว่า ทำไมต้องเป็นความลับ
ต่อมาผมหันมาทำธุรกิจตามที่เรียนมา ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ ๔-๕ ปีมานี้ คุณสมไทย วงษ์เจริญ เปิดหลักสูตร สอนการทำ รีไซเคิลเพื่อธุรกิจ ออกรายการ "สู้แล้วรวย" ผมไม่ได้ดู แต่มีคนมาเล่าให้ฟัง เขาซื้อขยะขายแค่ ๒ ปี รวยเป็นร้อยล้าน ผมไม่เชื่อ คิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่เมื่อได้ดูวิดีโอเทป ผมได้ข้อคิด สิ่งที่รายการเสนอ พร้อมทั้ง คำเชิญชวน ผมตัดสินใจ ไปเข้ารับการอบรม ที่พิษณุโลก เพราะอยากรู้ว่า เป็นจริงอย่างที่เขาพูดหรือเปล่า จากการ เข้าไปสัมผัส ผมได้รับความรู้เรื่องนี้เพิ่มขึ้น ได้แนวคิดใหม่ๆ มากมาย ได้รับแรงบันดาลใจ จากคุณสมไทย ซึ่งผมถือว่า เป็นอาจารย์ ผู้มีพระคุณ ที่เปิดโอกาส ให้ผมเข้ารับการฝึกอบรม เรื่องขยะรีไซเคิล อย่างจริงจัง ทำให้เห็นภาพ อะไรบางอย่าง ชัดเจนขึ้น นอกเหนือจากคำว่าธุรกิจ ผมมองเรื่องของสิ่งแวดล้อม
ผมตกใจว่าทำไมมีขยะมากมายขนาดนั้น ผมหาหนังสืออ่านเพิ่มเติม นอกเหนือจากหนังสือ ที่ผมได้รับจาก สถาบัน สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่มีเอกสารออกมามากมาย ทำให้ได้รู้ว่า โลกนี้เต็มไปด้วยขยะ ที่จะเป็น อันตราย ใหญ่หลวง ในอนาคต ผมตัดสินใจลองศึกษา ถ้าเราจะลงมาทำเรื่องธุรกิจ เราจะได้อะไรบ้าง สิ่งที่คิดว่าได้แน่ๆ อันดับแรก คือได้ใช้ แรงงานระดับล่าง ซึ่งจะช่วยคนชนชั้นกรรมกรอย่างจริงจัง เนื่องจาก ตอนนั้น กิจการผม ค่อนข้างซบเซา ผมจึงต้องลดคนงานลง ซึ่งผมไม่อยากทำ ก็พยายาม ประคับประคอง แต่เมื่อนานเกินไป ก็เริ่มแบกภาระไม่ไหว จะฝากลูกน้อง ไปทำงานที่อื่นก็ยาก นอกจากนี้ ยังมีคนงาน ระดับล่าง อีกจำนวนหนึ่ง ที่ใช้แต่แรงงานจริงๆ ผมจึงมองว่า อาชีพใหม่นี้ น่าจะรองรับ พวกเขาได้ โดยเมื่อผมทำเรื่องรีไซเคิลขยะเสริมเข้ามา จะสามารถตัด แรงงาน ส่วนนี้ออกมาทำ พร้อมทั้งรับแรงงานใหม่ เข้ามาเพิ่มได้อีก เพราะอาชีพนี้ง่าย ไม่ต้องใช้เครื่องมือใดๆ คุณสมไทย บอกว่า ไม่มีเครื่องคัดแยกขยะ ที่ไหนในโลก จะแยกขยะได้สมบูรณ์ เท่ากับสองมือของเรา และอีกข้อ เชื่อไหมว่า มีเงินเรี่ยราด อยู่บนพื้น มากมาย ซึ่งเขาสามารถพาไปคุ้ยขยะ แล้วนำไปขาย ได้สตางค์ มาให้เห็นจริงๆ เพราะเขาเอง ก็เริ่มจากจุดนี้ คือคุ้ยขยะด้วยมือตัวเอง ผมมองว่าสิ่งนี้ น่าจะช่วยคนได้เยอะ ผมจึงเริ่ม ลงมือปฏิบัติ โดยผมมองเรื่อง สิ่งแวดล้อมแทนเรื่องธุรกิจ

ที่มา: เราคิดอะไร ฉบับที่ ๑๔๓ มิถุนายน ๒๕๔๕